แถลงการณ์ 7: แนวทางการช่วยเหลือผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะ
พฤหัสบดีที่ 31 มกราคม 2556
ดร.โสภณ พรโชคชัย ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 4
ดร.โสภณ#4 ทำงานด้านผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะ
หรือคนเร่ร่อน หรือคนไร้บ้าน ขณะนี้ยังเป็นประธานกรรมการ มูลนิธิอิสรชน
ซึ่งเป็นองค์การสาธารณประโยชน์ที่ช่วยเหลือบุคคลกลุ่มนี้
ผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะเกิดจากปัญหาความยากจน และอื่น ๆ
ด้วยเหตุผลด้านสิทธิมนุษยชนที่ประชาชนทุกคนต้องมีที่อยู่อาศัยที่เหมาะสม
จะปล่อยให้นอนระเกะระกะโดยขาดการเหลียวแลจากสังคมไม่ได้ และเพื่อสวัสดิภาพของทุกฝ่าย
จึงควรให้การช่วยเหลือตั้งแต่การจัดหาที่พักพิงแบบเช่าหรือแบบให้เปล่าชั่วคราว
การเตรียมความพร้อมเข้าสู่สังคม
แต่ทั้งนี้ทำได้ยากเพราะงบประมาณของรัฐในด้านสังคมมีจำกัดเพียง 0.44%
ของงบประมาณแผ่นดิน ต่ำกว่างบประมาณด้านการทหารถึง 17
เท่าตัว
วันนี้ ดร.โสภณ พรโชคชัย ได้รับเชิญจากสำนักบริการสวัสดิการสังคม
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้ไปเป็นวิทยากรในการสัมมนา
รวมพลังสร้างเครือข่ายและเสริมศักยภาพบุคลากรยุคใหม่ในการขับเคลื่อนเครือข่ายมุ่งพัฒนาเพื่อสวัสดิการสังคม
โดยเฉพาะประเด็น คิดทบทวน สร้างบทบาท
หาแนวทางการให้บริการสวัสดิการสังคมแก่ผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะ ณ โรงแรมแกรนด์ เดอ
วิลล์ (วังบูรพา)
กรุงเทพมหานคร
แม้จากการสำรวจข้อมูลของมูลนิธิอิสรชนพบว่าในปี 2555
มีผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะไม่มากนัก คือเกือบ 2,846 คนแยกเป็นชาย 1,774 คน และหญิง
1,072 คน แต่หากนับรวมขอทานซึ่งมีทั้งที่เป็นขอทานเดี่ยว สัญชาติไทย
และขอทานที่เป็นกระบวนการค้ามนุษย์ทั้งไทยและเทศ ก็คงมีอีกเป็นจำนวนมาก
แต่ไม่ได้อยู่ในการสำรวจรอบนี้
ในต่างประเทศพบว่า กรณีนครนิวยอร์ก มีประชากรผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะ ณ
เดือนมิถุนายน 2555 อยู่ถึง 44,402 คน หรือประมาณ 0.5% ของประชากรนิวยอร์ก (ทุก ๆ 1
ใน 200 คนของชาวนิวยอร์ก เป็นผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะ) {1} ส่วนอินเดีย
มีประชากรผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะถึง 78 ล้านคน หรือราว 7%
ของประชากรในประเทศดังกล่าว {2} อาจกล่าวได้ว่า
ประเทศที่เจริญทางเศรษฐกิจกว่ามักมีจำนวนประชากรผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะน้อยกว่า
การเกิดขึ้นของผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะก็เพราะบุคคลเหล่านี้ไม่สามารถอยู่อาศัยในระบบบ้านปกติ
เช่น บ้านจัดสรร บ้านเช่า บ้านพักคนงานในรูปแบบต่าง ๆ ด้วยฐานะที่ยากจนลง
ไร้ที่พึ่ง ต่อต้านสังคม วิกลจริต หรืออื่น ๆ
ทำให้ต้องมาเป็นผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะ ซึ่งอาจแยกย่อยเป็นกลุ่มผู้ไร้บ้าน
(ควรมีบ้านได้แต่ฐานะยากจนเกินกว่าจะมีบ้านได้หรือเช่าบ้านได้) เยาวชน
ผู้ให้บริการทางเพศ คนวิกลจริต หรือผู้ย้ายถิ่นทั้งที่ชั่วคราวหรือ (กึ่ง) ถาวร
เป็นต้น
การดำรงอยู่ของผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะถือเป็นปัญหาที่กระทบต่อสวัสดิภาพของผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะและบุคคลอื่น
รัฐบาลจึงควรมีมาตรการที่พึงให้ความช่วยเหลือ เช่น
1.
การบำบัดต่าง ๆ โดยเฉพาะความหิวโหย
ซึ่งถือเป็นการบรรเทาทุกข์เฉพาะหน้า
2. การให้เข้าถึงการรักษาพยาบาลของรัฐ
แต่ที่ผ่านมาหลายคนไม่มีบัตรประชาชนเพราะหายไป หรือร่างกายไม่สะอาด
ได้รับการรังเกียจจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
3.
การจัดที่อยู่อาศัยฉุกเฉินให้โดยไม่คิดมูลค่าเป็นการชั่วคราวโดยเฉพาะผู้ที่ควรได้รับการบำบัดเป็นพิเศษเมื่อพบเห็น
4. การมีที่พักอาศัย เป็นเตนท์ หรือเตียงขนาดเล็กให้เช่าหลับนอนราคาถูก
โดยตั้งอยู่ใกล้ ๆ เป็นการชั่วคราว
และให้อยู่ในระยะเวลาที่สั้นที่สุดจนกว่าจะเข้าสู่สังคมปกติได้ โดยอาจเช่าที่วัด
ราชพัสดุ เอกชน หรือขอรับการบริจาคจากเอกชน เพื่อสวัสดิภาพในการอยู่อาศัยยามค่ำคืน
สถานที่ตั้งต้องเป็นในเขตเมือง ไม่ใช่ออกไปชานเมือง
เพราะคงไม่มีผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะสามารถเดินทางไปพักผ่อนในยามค่ำคืนได้
5. สำหรับผู้ที่ไม่มีรายได้
ไม่มีอาชีพแต่จำเป็นต้องอยู่อาศัยในที่พักอาศัยให้เช่าข้างต้น
ก็ควรมีบริการงานให้ทำเพื่อให้เกิดรายได้ เช่น งานทำความสะอาดสถานที่สาธารณะ
งานฝีมือ ฯลฯ เพื่อเป็นค่าที่อยู่อาศัยในยามค่ำคืน
6.
การฝึกอาชีพ สำหรับบุคคลปกติแต่ขาดรายได้ โดยไม่เพียงแต่สอนให้มีทักษะอาชีพ
แต่ยังควรสอนให้เป็นผู้ประกอผู้ประกอบการที่ดี
หรือเป็นลูกจ้างที่ดีในอนาคตด้วยเช่นกัน
7. ในกรณีบุคคลที่ไม่ได้ต้องการมีบ้านเป็นของตนเอง แต่เป็นกลุ่มเยาวชน
ผู้ให้บริการทางเพศ คนวิกลจริต ฯลฯ
ต้องส่งสถานสงเคราะห์ให้การรักษาจนกว่าจะกลับเข้าสู่สังคมได้ตามปกติสุข
8. การจัดหน่วย ลาดตระเวน เพื่อตรวจสอบ
ป้องปรามอาชญากรรมในยามค่ำคืนตามย่านชุมชนและสถานีขนส่งประเภทต่าง
ๆ
9.
การสร้างฐานข้อมูลผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะโดยออกสำรวจตามย่านชุมชนทั่ว
กทม.และปริมณฑล โดยในกรณีนครนิวยอร์ก
ได้ระดมอาสาสมัครออกสำรวจในยามค่ำคืนหนึ่งพร้อม ๆ กัน
เพื่อให้ได้ข้อมูลผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะอย่างครบถ้วน
และยังมีการสำรวจถึงจำนวนและสถานที่สาธารณะที่พักอาศัยต่อเนื่องทุกเดือนจนสามารถรู้จักผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะทุกราย
อย่างไรก็ตามโอกาสในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ข้างต้นอาจจำกัด
เนื่องจากงบประมาณของประเทศมีจำกัด ในปีงบประมาณ พ.ศ.2556 ที่กำลังพิจารณาอยู่นี้
งบประมาณของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นเพียง 0.44%
ของงบประมาณแผ่นดิน หรือเป็นเงิน 10,516.7 ล้านบาท (เป็นของกรมสวัสดิการสังคมเพียง
6,000 ล้านบาท) และหากเทียบกับงบประมาณของกระทรวงกลาโหมที่ 180,811.4 ล้าน บาท
(7.5% ของงบประมาณแผ่นดิน) นั้น
กลับสูงกว่างบประมาณของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ถึง 17 เท่าตัว
{3}
ด้วยงบประมาณที่จำกัดนี้ จึงทำให้สถานสงเคราะห์ มีอยู่อย่างจำกัดมาชั่วนาตาปี
โอกาสขยายจึงเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป
ไม่สามารถรองรับความต้องการจำเป็นในการดูแลสวัสดิภาพของประชาชน
ไม่สามารถทำงานเชิงรุกเพื่อการป้องปราม
รัฐจัดสวัสดิการสังคมผ่านกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์แต่เพียงในนาม
เพราะเจียดงบประมาณให้น้อยมากนั่นเอง
ในกรณีนี้ หากผมได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
จะระดมทุนจากประชาชนจัดสร้างสถานสงเคราะห์เพื่อช่วยเหลือทางมนุษยธรรมแก่ผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะเหล่านี้
โดยแยกเป็นสถานสงเคราะห์ด้านเด็ก เยาวชน คนพิการ ผู้ไม่สมประกอบ ผู้ให้บริการทางเพศ
ผู้ที่ยากจนไร้ที่อยู่อาศัย ผู้สูงอายุ และอื่น ๆ
โดยยังจะขอความร่วมมือกับกระทรงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงสาธารณสุข
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นต่อไป
ผมเชื่อว่าในส่วนของภาคประชาชน จะมีความยินดีร่วมทำ จิตอาสา เพื่อประโยชน์สาธารณะ
ที่ผ่านมาประชาชนอาจไม่ได้ร่วม จิตอาสา
มากนักเพราะข้องใจว่าเงินและทรัพยากรจะตกถึงมือผู้ด้อยโอกาสหรือไม่
หากทำให้มีระบบตรวจสอบที่ดี ก็จะทำให้ประชาชนร่วมใจเสียสละเพื่อส่วนรวมกันมากขึ้น
ทำให้สังคมมีความผาสุกจากการให้
ไม่ใช่เฉพาะจากการรับเท่านั้น
อ้างอิง
{1} โปรดดูรายละเอียดที่ http://www.coalitionforthehomeless.org/pages/basic-facts
{2}
โปรดดูรายละเอียดที่ http://www.slumdogs.org/homeless-facts/
{3}
โปรดดูรายละเอียดที่ http://www.bb.go.th/FILEROOM/CABBBIWEBFORM/DRAWER29/GENERAL/DATA0000/00000120.PDF
ติดต่อ ดร.โสภณ พรโชคชัย ผู้สมัครหมายเลข 4 ได้ที่ คุณอัจฉรา 08.6628.2817 อีเมล์: sopon@trebs.ac.th thaiappraisal@gmail.com เว็บไซต์หาเสียงที่ www.sopon4.housingyellow.com Facebook: www.facebook.com/dr.sopon4 Twitter: www.twitter.com/Pornchokchai
|